top of page

DRY CLEAN HISTORY

ย้อนประวัติ “การซักแห้ง” กับ Fabliss

เสื้อผ้า คือหนึ่งในปัจจัย 4 ที่มนุษย์ทุกคนขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเพศไหน ต่างชาติ ต่างภาษา ก็ต้องใส่เสื้อผ้ากันทั้งนั้น และเมื่อต้องใส่เสื้อผ้าอยู่ทุกวัน ก็คงจะหนีการซักผ้าไปไม่พ้น ไม่ว่าจะเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพง ไปจนถึงเสื้อผ้าราคาย่อมเยาว์ เราก็ต้องซัก ไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด (แม้ว่าจะไม่ชอบแค่ไหนก็ตาม)

ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากเท่าไหร่ ก็มีชนิดของผ้าใหม่ๆ ออกมามากขึ้นเท่านั้น และการดูแลทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือการซักผ้าก็จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับประเภทของผ้าแต่ละชนิดด้วยเช่นกัน ซึ่ง “ซักแห้ง” ก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีซักผ้าที่หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินชื่อหรือเคยใช้บริการมาบ้างแล้ว แต่เราเชื่อว่าหลายท่านคงไม่เคยทราบว่าการซักแห้งที่เราใช้มาจนถึงทุกวันนี้ มีที่มา จุดเริ่มต้นมาจากไหน


ในวันนี้ Fabliss Laundry จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีตไปรู้จักกับประวัติการซักแห้งตั้งแต่สมัยโบราณกันเลย เพราะมากกว่าความสะอาดของผ้าทุกชิ้นที่คุณจะได้รับเมื่อมาใช้บริการกับเรา ยังมีเรื่องราวน่าสนใจที่เราอยากเล่าให้ฟังอีกเพียบ!


หลักฐานเกี่ยวกับการซักแห้งจากเมืองปอมเปอี


จุดเริ่มต้นของการซักแห้ง


ถ้าจะย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการซักแห้งเท่าที่พอจะหาหลักฐานได้ ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยโรมันที่มีการค้นพบร้านซักแห้งจากซากปรักหักพังจากเมืองปอมเปอี ที่ถูกฝังทั้งเมืองจากเหตุการณ์ภูเขาไฟวิสุเวียสปะทุครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 79 โดยผู้รับหน้าที่ทำความสะอาดที่เรียกว่า Fullers มักจะใช้ดินเหนียวที่เรียกว่า Fuller’s Earth ร่วมกับน้ำด่างและแอมโมเนียที่สกัดจากปัสสาวะ มาใช้ซักทำความสะอาดรอยเปื้อนที่เกิดจากเหงื่อและดินออกจากเสื้อ ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ได้ผลดีถึงขั้นมีการเรียกเก็บภาษีจากการจัดเก็บปัสสาวะ จน Fullers เลี่ยงไปใช้ปัสสาวะจากสัตว์แทนเลยทีเดียว


การซักแห้งสมัยใหม่เริ่มต้นจากความบังเอิญ


รู้หรือไม่ว่าจุดเริ่มต้นของการซักแห้งสมัยใหม เริ่มต้นขึ้นจากความบังเอิญ! ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1825 แม่บ้านคนหนึ่งเดินไม่ระวังเผลอไปชนตะเกียงเข้า ทำให้น้ำมันสนหกลงบนผ้าปูโต๊ะ แต่แทนที่จะโดนต่อว่า Jean Baptiste Jolly หนุ่มชาวฝรั่งเศสสังเกตเห็นว่าเมื่อน้ำมันสนแห้งแล้ว คราบที่ติดผ้าอยู่กลับหายไป เพื่อความมั่นใจ นาย Jean จึงทำการทดลองอีกครั้ง ด้วยการนำน้ำมันสนเทใส่ลงในอ่างอาบน้ำ แล้วแช่ผ้าปูโต๊ะเปื้อนๆ อีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ก็คือได้ผ้าที่สะอาดใสไร้ร่องรอย Jean Baptiste Jolly จึงได้ประยุกต์นำวิธีนี้มาใช้เปิดร้านซักแห้งแห่งแรกของตัวเองในกรุงปารีสโดยใช้ชื่อร้านว่า “Teinturerier Jolly Belin” เรียกได้ว่านี่แหละคือบิดาแห่งการซักแห้งสมัยใหม่


แต่การจดสิทธิบัตรครั้งแรก กลับไม่ใช่นาย Jean Baptiste Jolly แต่อย่างใด เพราะผู้ที่จดสิทธิบัตรขั้นตอนที่เรียกว่า “Dry Scouring” (การขจัดสิ่งสกปรกแบบแห้ง) ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1821 คือหนุ่มแอฟริกันอเมริกัน Thomas L. Jennings ช่างตัดเสื้อในกรุงนิวยอร์กและเป็นชาวแอฟริกันอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ที่จดสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกาได้ด้วย

ในระหว่างตัดเสื้ออยู่นั้น Thomas ก็ได้รับคำบ่นเป็นปกติจากลูกค้าสูงวัยที่มาระบายให้ฟังว่าไม่สามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าบอบบางได้จากการซักผ้าแบบเดิมๆ ทั่วไป แต่แทนที่จะปล่อยเสียงบ่นผ่านๆไป นาย Thomas ได้เริ่มต้นการทดลองการซักในรูปแบบใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง และในที่สุดความพยายามก็เป็นผล นาย Thomas ค้นพบวิธีที่เขาตั้งชื่อขึ้นเองว่า “Dry Scouring” ซึ่งวิธีนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างสูง จนทำให้ Thomas มั่งคั่งร่ำรวยตั้งตัวได้เลยทีเดียว แต่ชายคนนี้ก็ไม่ได้ใช้เงินที่หามาได้อย่างไร้ประโยชน์ เขาได้ใช้เงินจำนวนนี้ในการปลดปล่อยภรรยาและลูกๆ จากการเป็นทาสและยังให้เงินสนับสนุนการเลิกทาสอีกด้วย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่วิธีการขั้นตอนแบบเป๊ะๆ ของ “Dry Scouring” จากนาย Thomas ได้สูญหายจากประวัติศาสตร์ไปแล้วเรียบร้อย เนื่องจากสิทธิบัตรของเขาถูกไฟไหม้ไปจนหมดตั้งแต่ปี ค.ศ.1836

Thomas L. Jennings ผู้จัดสิทธิบัตร “Dry Scouring” คนแรกในประวัติศาสตร์

หลังจากการซักแห้งสูตรนาย Thomas เป็นต้นมา ร้านซักแห้งอื่นๆ

ในช่วงศตวรรษที่ 19 เลือกใช้น้ำมันสน , น้ำมันเบนซิน, น้ำมันก๊าด เป็นตัวทำละลายในกระบวนการซักแห้ง ซึ่งสารทำละลายเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายทั้งสิ้น น้ำมันสนมีกลิ่นติดเสื้อซึ่งไม่หายไปแม้จะซักเสร็จแล้ว น้ำมันเบนซินก็อาจเป็นพิษต่อร่างกายทั้งผู้ซักแห้งเองและลูกค้าได้ถ้ายังคงหลงเหลือติดอยู่บนเสื้อผ้า แต่ที่สำคัญและน่าเป็นห่วงที่สุดคือสารทำละลายเหล่านี้เป็นวัตถุไวไฟล้วนๆ เสี่ยงทำให้ร้านซักแห้งไฟไหม้ได้ไม่ยากเลย ถึงขนาดที่ในหลายๆ เมือง ไม่อนุญาตให้เปิดธุรกิจซักแห้งเลยทีเดียว

ยุคเฟื่องฟูของสารทำละลายคลอรีน

ร้านซักแห้งจำเป็นต้องหาวิธีใหม่ๆ ที่ปลอดภัยมากกว่าขึ้นมาทดแทน และในที่สุดก็ค้นพบตัวทำละลายจากคลอรีน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพราะสามารถขจัดคราบได้ดีไม่แพ้ตัวทำละลายประเภทน้ำมัน แถมยังไม่ต้องเสี่ยงกับความเสียหายจากไฟไหม้ด้วย สำหรับสารทำละลายที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ Tetrachloroethylene (เตตระคลอโรเอทิลีน) หรือ Perchloroethylene (เปอร์คลอโรเอทิลีน) เรียกๆ สั้นว่า “Perc” ค้นพบครั้งแรกโดยไมเคิล ฟาราเดย์ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1821ซึ่งการซักแห้งโดยใช้ Perc ได้รับความนิยมตั้งแต่ยุคนั้นและยังคงใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้


นี่คือเรื่องราวประวัติศาสตร์การซักแห้ง ที่ผ่านระยะเวลาอย่างยาวนาน ต้องขอบคุณผู้คิดริเริ่มทุกท่านที่ทำให้เรามีนวัตกรรมการซักแห้งที่สะดวกสบาย ช่วยให้ผ้าสะอาดมาได้จนถึงทุกวันนี้


จนมาถึงในช่วงปี คศ2000 สารทําละลายด้วย Perc ได้ถูกแทนที่ด้วยสารทําละลายด้วยนํ้ามันตัวอื่นและระบบใหม่ๆเพื่อลดสารพฺิษจากการใช้สารละลาย solvent โดยมีระบบ SILICON ระบบ hydrocarbon เพื่อให้เคมีในตัวทําละลายใน Perc ลดสารพิษลงแต่ยังคงมีสารตกค้างในผิวและสิ่งแวดล้อม

จนมาถึงนวัตกรรมล่าสุดที่ถูกคิดค้นมาล่าสุด คือ ระบบเวทคลีนนิ่ง Wet cleaning ที่ใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ โปรแกรมกาซักอบที่ได้มาตรฐานสูง ควบคู่กับระบบนํ้าและเคมีที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านห้องแล็ปทดลอง

มาเบรกกับนํ้าเพื่อให้ได้ผลของสารทําความสะอาดที่ปลอดภัยแต่สามารถดูแลเส้นใยผ้าให้สวยงามได้ดีเท่ากับระบบการซักนํ้ามันแบบเดิม


รู้เรื่องราวซักแห้งจนมาถึงการซัก Wet Cleaning กันมากขึ้นแล้ว ถ้ามีเสื้อผ้าที่อยากให้เราช่วยดูแลด้วยบริการซักแห้งและเวทคลีนนิ่งจากช่างผู้มีประสบการณ์ โดยเฉพาะเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่หาร้านที่เชื่อใจได้ไม่ง่าย เราพร้อมดูแลใส่ใจด้วยบริการสุดพิเศษ Fabliss ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนค่ะ หรือถ้าอยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้า ทีมงานก็ยินดีให้คำปรึกษาเสมอนะคะ

コメント


bottom of page